สรุปสิ่งที่ได้จากการฟังเมืองไทยรายสัปดาห์
ช่วงนี้เวลาเบื่อเซ็งๆ ก็มักฟังรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ทางอินเตอร์เน็ต ซึ่งพี่อาร์ตเป็นคนแนะนำมา ฟังแล้วเรารู้สึกห่วงสถานการณ์ทางเศรษฐกิจของเมืองไทยมากเลย จะสรุปเรื่องหลักๆ ที่ได้จากการฟังเอาไว้ เผื่อว่าใครมาอ่านแล้วจะได้เป็นการปากต่อปาก คีย์บอร์ดต่อคีย์บอร์ด บอกเล่าเรื่องลึกๆ ของเมืองไทยให้ได้รับฟัง/อ่านกัน
(เรื่องที่จะเขียนเป็น fact และ opinion รวมกัน - ระวัง! โปรดผ่านสมองส่วนคิดก่อนส่วนจำ)
(เรื่องที่จะเขียนนี้ ฟังมาจากรายการเมืองไทยรายสัปดาห์แล้วเอามาย่อ ไม่ได้เป็นความคิดตัวเองเลย)
1. เรื่องการแปรรูปปตท.
เรื่องนี้คุณสนธิพูดบ่อยมาก คือปตท.เนี่ยเดิมมันเป็นรัฐวิสาหกิจเต็มตัว จากนั้นเค้าก็แปรรูปมันมาเป็นเอกชนเอาเข้าตลาดหลักทรัพย์ 30% - ทำไปทำไม? แล้วเมื่อที่ผ่านมาก็ออกมาเผยตัวเลขกำไรอย่าง "อัปลักษณ์ที่สุด" คือตั้งกี่หมื่นกี่พันล้านจำไม่ได้ คือถ้าปตท.ไม่แปรรูปเนี่ย กำไรที่ได้มาทั้งหมดก็จะเข้ารัฐ ซึ่งรัฐก็สามารถนำกำไรส่วนนี้เนี่ยไปช่วยลดราคาน้ำมันในไทยเพื่อช่วยเหลือประชาชนได้ แต่ไอ้ 30% ที่เป็นหุ้นขายไปเนี่ย มันไปอยู่กะใคร น้อยนิดมากๆ ที่จะอยู่ในมือประชาชน ที่เหลือส่วนมากก็ไปอยู่ในมือนักการเมืองบางคน หรือไปอยู่กับ nominee บริษัทต่างชาติจากสิงค์โปร์บ้างฮ่องกงบ้าง ซึ่งไม่เปิดเผยตัว จุดนี้ทำให้เห็นว่าการแปรรูปเีนี่ยมีเบื้องหน้าเบื้องหลังเกี่ยวกับผลประโยชน์
พูดถึงเรื่องการแปรรูป คือปกติทั่วไปถ้าแปรรูปก็ควรจะแปรรูปทั้งหมด 100% ให้เป็นเอกชนเต็มตัว ซึ่งก็อาจจะทำให้เกิดความคล่องตัวในการบริหารและลดต้นทุนได้ แต่ไอ้การแปรแค่ 30% เนี่ยรัฐยังเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ก็คือยังถือเป็นรัฐวิสาหกิจอยู่ นั่นคือได้สิทธิต่างๆ ตามกฏหมายของรัฐวิสาหกิจเช่นสิทธิการผูกขาดเป็นต้น นั่นคือไอ้ 30% ที่เข้ามาถือหุ้นเนี่ย มันมาอิงแอบอาศัยสิทธิประโยชน์ของรัฐวิสาหกิจในการทำกำไรให้แก่ตัวมัน ส่วนประชาชนต้องเรียกว่าเสียผลประโยชน์จากการแปรรูปนี้ โดยเฉพาะการขึ้นราคาของน้ำมัน ถ้าถามว่าราคาน้ำมันกระทบคนมั้ย พวกคนที่เป็นมนุษย์เงินเดือนในเมืองก็คงกระทบบ้างแต่ไม่เสียหายเท่าไร แต่ชาวนาที่ต้องใช้น้ำมันดีเซลเติมรถอีแต๋นทำงานไถนาเนี่ยสิ ราคาดีเซลขึ้นไปกว่า 100% ต้นทุนเค้าก็เพิ่มขึ้น แล้วรายได้พวกเค้าจะเหลือสักแค่ไหน
สรุป การแปรรูปแค่ 30% ที่รัฐบาลอ้างว่าจะทำให้ประสิทธิการทำงานของปตท.ดีขึ้น มันไม่ได้ดีขึ้นหรอก ถ้าจะให้ดีก็ต้องแปรเต็มตัว แต่ที่แปรนี่เพราะมีคน(ในรัฐบาลมั้ย?)ได้อิงแอบความเป็นรัฐวิสาหกิจทำกำไรจากปตท.ในฐานะผู้ถือหุ้น แล้วคนรับกรรมก็ใครล่ะครับ ประชาชน
2. เรื่องเกี่ยวกับพระราชอำนาจ
คืองี้เริ่มจาก backgroud ก่อน
คือปกติเวลาจะแต่งตั้งหน้าที่ทางการเมืองกับใครเนี่ย ส่วนใหญ่วิธีการคือรัฐบาลจะต้องกราบทูลหนังสือขึ้นไปให้พระเจ้าอยู่หัวทรงเซ็น (เราโง่ราชาศัพท์ง่ะ) ทีนี้ก็มีหนังสือกราบทูลขึ้นไปจะแต่งตั้งคนคนนึง เราจำชื่อไม่ได้ว่าชื่ออะไร ปกติเนี่ยก็จะได้รับกลับมาภายใน 48 ชั่วโมง แต่นี่เป็นสองสามเดือนแล้วยังไม่ได้รับหนังสือแต่งตั้งกลับมา นั่นแสดงว่าในหลวงทรงส่งสัญญาณอะไรบางอย่างมาให้รัฐบาล คือในหลวงจะทรงเซ็นหรือไม่เซ็นหนังสือแต่งตั้งก็ได้ แต่คุณสนธิใช้คำบอกว่าให้รัฐบาลอย่าเห็นในหลวงเป็น "ตรายา์ง" ที่ส่งอะไรขึ้นไปก็จะทรงเซ็นให้ สิ่งที่รัฐบาลควรทำก็คือขอเข้าเฝ้าเข้าไปขออภัยโทษ แล้วขอคำแนะนำจากในหลวงว่าควรจะแต่งตั้งใครแทนดี
3. เกี่ยวกับปัญหาภาคใต้
การแก้ปัญหาภาคใต้ อย่างแรกที่ควรจะต้องทำก็คือต้องยอมรับในความแตกต่างทางภาษา ศาสนา วัฒนธรรม ประวัิติศาสตร์ ของพื้นที่ภาคใต้ก่อน แต่รัฐบาลชุดนี้ไม่ได้ทำแบบนั้น กลับใช้ความรุนแรงเสียมากกว่า ซึ่งจะทำให้ประชาชนในพื้นที่ไม่ให้ความร่วมมือ นี่ยังรวมถึงการที่รัฐบาลไม่รับผิดชอบกับคนที่หายไป หรือการฆ่าผิดตัว สิ่งที่ผู้ก่อการร้ายต้องการคืออะไร เราต้องเข้าใจจุดนี้ ผู้ก่อการร้ายเนี่ยภาษาอังกฤษคือ terrorist นั่นคือเค้าต้องการให้เกิด terror หรือความกลัวซึ่งจะนำไปสู่การใช้กำลังเข้าปราบปรามและปัญหาก็จะบานปลายไม่จบ เกิดเป็นความไม่สงบวุ่นวาย จากประวัติศาสตร์ ไม่เคยมีความรุนแรงไหนที่แก้ได้ด้วยความรุนแรง ดังนั้นสิ่งแรกที่ต้องทำก็คือมองย้อยหลังความเป็นมาเพิ่อทำความเข้าใจพื้นที่ภาคใต้ตรงนั้น
นอกจากนี้ยังมีเรื่องสนามบินหนองงูเห่า เรื่องสมเด็จพระสังฆราช ฯลฯ แต่มันยาว ไว้ต่อภาคสอง
(เรื่องที่จะเขียนเป็น fact และ opinion รวมกัน - ระวัง! โปรดผ่านสมองส่วนคิดก่อนส่วนจำ)
(เรื่องที่จะเขียนนี้ ฟังมาจากรายการเมืองไทยรายสัปดาห์แล้วเอามาย่อ ไม่ได้เป็นความคิดตัวเองเลย)
1. เรื่องการแปรรูปปตท.
เรื่องนี้คุณสนธิพูดบ่อยมาก คือปตท.เนี่ยเดิมมันเป็นรัฐวิสาหกิจเต็มตัว จากนั้นเค้าก็แปรรูปมันมาเป็นเอกชนเอาเข้าตลาดหลักทรัพย์ 30% - ทำไปทำไม? แล้วเมื่อที่ผ่านมาก็ออกมาเผยตัวเลขกำไรอย่าง "อัปลักษณ์ที่สุด" คือตั้งกี่หมื่นกี่พันล้านจำไม่ได้ คือถ้าปตท.ไม่แปรรูปเนี่ย กำไรที่ได้มาทั้งหมดก็จะเข้ารัฐ ซึ่งรัฐก็สามารถนำกำไรส่วนนี้เนี่ยไปช่วยลดราคาน้ำมันในไทยเพื่อช่วยเหลือประชาชนได้ แต่ไอ้ 30% ที่เป็นหุ้นขายไปเนี่ย มันไปอยู่กะใคร น้อยนิดมากๆ ที่จะอยู่ในมือประชาชน ที่เหลือส่วนมากก็ไปอยู่ในมือนักการเมืองบางคน หรือไปอยู่กับ nominee บริษัทต่างชาติจากสิงค์โปร์บ้างฮ่องกงบ้าง ซึ่งไม่เปิดเผยตัว จุดนี้ทำให้เห็นว่าการแปรรูปเีนี่ยมีเบื้องหน้าเบื้องหลังเกี่ยวกับผลประโยชน์
พูดถึงเรื่องการแปรรูป คือปกติทั่วไปถ้าแปรรูปก็ควรจะแปรรูปทั้งหมด 100% ให้เป็นเอกชนเต็มตัว ซึ่งก็อาจจะทำให้เกิดความคล่องตัวในการบริหารและลดต้นทุนได้ แต่ไอ้การแปรแค่ 30% เนี่ยรัฐยังเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ก็คือยังถือเป็นรัฐวิสาหกิจอยู่ นั่นคือได้สิทธิต่างๆ ตามกฏหมายของรัฐวิสาหกิจเช่นสิทธิการผูกขาดเป็นต้น นั่นคือไอ้ 30% ที่เข้ามาถือหุ้นเนี่ย มันมาอิงแอบอาศัยสิทธิประโยชน์ของรัฐวิสาหกิจในการทำกำไรให้แก่ตัวมัน ส่วนประชาชนต้องเรียกว่าเสียผลประโยชน์จากการแปรรูปนี้ โดยเฉพาะการขึ้นราคาของน้ำมัน ถ้าถามว่าราคาน้ำมันกระทบคนมั้ย พวกคนที่เป็นมนุษย์เงินเดือนในเมืองก็คงกระทบบ้างแต่ไม่เสียหายเท่าไร แต่ชาวนาที่ต้องใช้น้ำมันดีเซลเติมรถอีแต๋นทำงานไถนาเนี่ยสิ ราคาดีเซลขึ้นไปกว่า 100% ต้นทุนเค้าก็เพิ่มขึ้น แล้วรายได้พวกเค้าจะเหลือสักแค่ไหน
สรุป การแปรรูปแค่ 30% ที่รัฐบาลอ้างว่าจะทำให้ประสิทธิการทำงานของปตท.ดีขึ้น มันไม่ได้ดีขึ้นหรอก ถ้าจะให้ดีก็ต้องแปรเต็มตัว แต่ที่แปรนี่เพราะมีคน(ในรัฐบาลมั้ย?)ได้อิงแอบความเป็นรัฐวิสาหกิจทำกำไรจากปตท.ในฐานะผู้ถือหุ้น แล้วคนรับกรรมก็ใครล่ะครับ ประชาชน
2. เรื่องเกี่ยวกับพระราชอำนาจ
คืองี้เริ่มจาก backgroud ก่อน
คือปกติเวลาจะแต่งตั้งหน้าที่ทางการเมืองกับใครเนี่ย ส่วนใหญ่วิธีการคือรัฐบาลจะต้องกราบทูลหนังสือขึ้นไปให้พระเจ้าอยู่หัวทรงเซ็น (เราโง่ราชาศัพท์ง่ะ) ทีนี้ก็มีหนังสือกราบทูลขึ้นไปจะแต่งตั้งคนคนนึง เราจำชื่อไม่ได้ว่าชื่ออะไร ปกติเนี่ยก็จะได้รับกลับมาภายใน 48 ชั่วโมง แต่นี่เป็นสองสามเดือนแล้วยังไม่ได้รับหนังสือแต่งตั้งกลับมา นั่นแสดงว่าในหลวงทรงส่งสัญญาณอะไรบางอย่างมาให้รัฐบาล คือในหลวงจะทรงเซ็นหรือไม่เซ็นหนังสือแต่งตั้งก็ได้ แต่คุณสนธิใช้คำบอกว่าให้รัฐบาลอย่าเห็นในหลวงเป็น "ตรายา์ง" ที่ส่งอะไรขึ้นไปก็จะทรงเซ็นให้ สิ่งที่รัฐบาลควรทำก็คือขอเข้าเฝ้าเข้าไปขออภัยโทษ แล้วขอคำแนะนำจากในหลวงว่าควรจะแต่งตั้งใครแทนดี
3. เกี่ยวกับปัญหาภาคใต้
การแก้ปัญหาภาคใต้ อย่างแรกที่ควรจะต้องทำก็คือต้องยอมรับในความแตกต่างทางภาษา ศาสนา วัฒนธรรม ประวัิติศาสตร์ ของพื้นที่ภาคใต้ก่อน แต่รัฐบาลชุดนี้ไม่ได้ทำแบบนั้น กลับใช้ความรุนแรงเสียมากกว่า ซึ่งจะทำให้ประชาชนในพื้นที่ไม่ให้ความร่วมมือ นี่ยังรวมถึงการที่รัฐบาลไม่รับผิดชอบกับคนที่หายไป หรือการฆ่าผิดตัว สิ่งที่ผู้ก่อการร้ายต้องการคืออะไร เราต้องเข้าใจจุดนี้ ผู้ก่อการร้ายเนี่ยภาษาอังกฤษคือ terrorist นั่นคือเค้าต้องการให้เกิด terror หรือความกลัวซึ่งจะนำไปสู่การใช้กำลังเข้าปราบปรามและปัญหาก็จะบานปลายไม่จบ เกิดเป็นความไม่สงบวุ่นวาย จากประวัติศาสตร์ ไม่เคยมีความรุนแรงไหนที่แก้ได้ด้วยความรุนแรง ดังนั้นสิ่งแรกที่ต้องทำก็คือมองย้อยหลังความเป็นมาเพิ่อทำความเข้าใจพื้นที่ภาคใต้ตรงนั้น
นอกจากนี้ยังมีเรื่องสนามบินหนองงูเห่า เรื่องสมเด็จพระสังฆราช ฯลฯ แต่มันยาว ไว้ต่อภาคสอง

0 Comments:
แสดงความคิดเห็น
<< Home