Balloon's Story
วันนี้ได้มีโอกาสสนทนากับชยุตม์ วีร์กิจ และอาจารย์สุมาลีเกี่ยวกับระบบการศึกษาอย่างถึงลูกถึงคน
ยิ่งพูดคุย ยิ่งแลกเปลี่ยนทรรศนะกันเพียงใด ภาพของจุดหมายที่เราต้องการนั้นช่างชัดเจน อุดมคตินั้นวาดฝันได้ง่าย แตกต่างกับหนทางที่จะไปสู่มันอย่างสิ้นเชิง
ปัญหาระบบการศึกษานี้ช่างวุ่นวายและซับซ้อน ผมเคยพยายามคิดหลายครั้งแล้ว แต่ทุกครั้งที่พยายามแก้ปัญหาที่จุดหนึ่ง ก็จะเกิดปัญหาที่ร้ายแรงยิ่งขึ้นที่จุดหนึ่งเสมอ และเมื่อเราจะตามไปแก้ ณ จุดนั้น ปัญหาจุดต่อมาก็จะเกิดขึ้น และเวียนไปเรื่อย ๆ บางครั้งวนกลับมาที่เดิม ราวกับลูกโป่ง เมื่อเราบีบด้านหนึ่งแล้ว อีกด้านหนึ่งจะโป่งขึ้นมาแทนเสมอ ไม่ว่าเราจะเริ่มบีบจากมุมไหนก็ตาม
ลองยกตัวอย่าง ถ้าเราบอกว่า ปัญหาทุกวันนี้เริ่มต้นจากการศึกษาที่ไม่ได้ฝึกให้เด็กได้คิดอย่างเป็นระบบและอิสระ ทำไมล่ะ? เพราะระบบเอ็นทรานซ์และการได้มาซึ่งคะแนนที่ยังจำเป็นอยู่ ทุกคนต้องการมหาวิทยาลัย และข้อสอบที่ปราศจากความคิดของการสอบคัดเลือก ทำไมการสอบเอ็นทรานซ์ถึงเป็นเรื่องใหญ่? เพราะที่นั่งในมหาวิทยาลัยยังไม่พอ งั้นก็สร้างเพิ่มสิ? สร้างแล้ว ม.เอกชนไงมากมาย แต่ค่านิยมก็ไม่อยากเข้ากัน เชื่อว่าคุณภาพยังไม่สูงพอ ก็ถ้าไม่มีเงินแล้วจะมีคุณภาพได้อย่างไร แล้วจะมีเงินได้อย่างไร? ก็ต้องมีคนเข้าไปเรียนน่ะสิ... ทางตัน...
บางคนพยายามที่จะลองนำลูกโป่งจากที่อื่นมาแทนที่ อาจจะมีการปรับแต่งรูปแบบบ้าง แต่ลูกโป่งใหม่ที่มาจากต่างประเทศนั้น กลับดูแปลกตาและขัดแย้งกับค่านิยมและวัฒนธรรมของไทยอย่างสิ้นเชิง
นี่เป็นเพียงหนึ่งในประมาณล้านกว่าหนทางในการแก้ปัญหาการศึกษาของไทย แต่ช่างน่าแปลกที่ทุกทางกลับวิ่งเข้าหาทางตัน อยากรู้ว่า เมื่อไรกันที่เราจะพบหนทางที่จะแก้ปัญหานี้ได้อย่างครบวงจร? หรือเราจะต้องร่วมมือกัน ช่วยกันบีบลูกโป่งนี้จากทุกทิศทุกทางเพื่อให้ได้จุดประสงค์เดียวกัน
แต่ผมเชื่อว่า วิธีที่ดีที่สุด นั่นคือการรื้อระบบใหม่ทั้งหมดโดยการเจาะลูกโป่งนั้นให้แตกเสีย และเริ่มต้นเป่าลูกโป่งใบใหม่ไปด้วยกัน วันหนึ่ง ลูกโป่งที่เราค่อย ๆ บรรจงเป่า จะแปรเปลี่ยนรูปร่างเป็นลูกโป่งแห่งอุดมคติตามที่เราทุกคนต้องการ
แต่นั่นหมายถึง เราต้องกำจัดบรรดาเด็กน้อยไร้การศึกษาที่คอยทำตัวเป็นเจ้าของลูกโป่งใบนี้ ไม่ยอมให้ใครไปแตะต้อง และบูชามันไว้เหนือหัว โดยไม่สนใจว่ามันกำลังทำร้ายเยาวชนของไทยกว่าล้านชีวิต และประเทศชาติไปจนเกินจะเยียวยา
ยิ่งพูดคุย ยิ่งแลกเปลี่ยนทรรศนะกันเพียงใด ภาพของจุดหมายที่เราต้องการนั้นช่างชัดเจน อุดมคตินั้นวาดฝันได้ง่าย แตกต่างกับหนทางที่จะไปสู่มันอย่างสิ้นเชิง
ปัญหาระบบการศึกษานี้ช่างวุ่นวายและซับซ้อน ผมเคยพยายามคิดหลายครั้งแล้ว แต่ทุกครั้งที่พยายามแก้ปัญหาที่จุดหนึ่ง ก็จะเกิดปัญหาที่ร้ายแรงยิ่งขึ้นที่จุดหนึ่งเสมอ และเมื่อเราจะตามไปแก้ ณ จุดนั้น ปัญหาจุดต่อมาก็จะเกิดขึ้น และเวียนไปเรื่อย ๆ บางครั้งวนกลับมาที่เดิม ราวกับลูกโป่ง เมื่อเราบีบด้านหนึ่งแล้ว อีกด้านหนึ่งจะโป่งขึ้นมาแทนเสมอ ไม่ว่าเราจะเริ่มบีบจากมุมไหนก็ตาม
ลองยกตัวอย่าง ถ้าเราบอกว่า ปัญหาทุกวันนี้เริ่มต้นจากการศึกษาที่ไม่ได้ฝึกให้เด็กได้คิดอย่างเป็นระบบและอิสระ ทำไมล่ะ? เพราะระบบเอ็นทรานซ์และการได้มาซึ่งคะแนนที่ยังจำเป็นอยู่ ทุกคนต้องการมหาวิทยาลัย และข้อสอบที่ปราศจากความคิดของการสอบคัดเลือก ทำไมการสอบเอ็นทรานซ์ถึงเป็นเรื่องใหญ่? เพราะที่นั่งในมหาวิทยาลัยยังไม่พอ งั้นก็สร้างเพิ่มสิ? สร้างแล้ว ม.เอกชนไงมากมาย แต่ค่านิยมก็ไม่อยากเข้ากัน เชื่อว่าคุณภาพยังไม่สูงพอ ก็ถ้าไม่มีเงินแล้วจะมีคุณภาพได้อย่างไร แล้วจะมีเงินได้อย่างไร? ก็ต้องมีคนเข้าไปเรียนน่ะสิ... ทางตัน...
บางคนพยายามที่จะลองนำลูกโป่งจากที่อื่นมาแทนที่ อาจจะมีการปรับแต่งรูปแบบบ้าง แต่ลูกโป่งใหม่ที่มาจากต่างประเทศนั้น กลับดูแปลกตาและขัดแย้งกับค่านิยมและวัฒนธรรมของไทยอย่างสิ้นเชิง
นี่เป็นเพียงหนึ่งในประมาณล้านกว่าหนทางในการแก้ปัญหาการศึกษาของไทย แต่ช่างน่าแปลกที่ทุกทางกลับวิ่งเข้าหาทางตัน อยากรู้ว่า เมื่อไรกันที่เราจะพบหนทางที่จะแก้ปัญหานี้ได้อย่างครบวงจร? หรือเราจะต้องร่วมมือกัน ช่วยกันบีบลูกโป่งนี้จากทุกทิศทุกทางเพื่อให้ได้จุดประสงค์เดียวกัน
แต่ผมเชื่อว่า วิธีที่ดีที่สุด นั่นคือการรื้อระบบใหม่ทั้งหมดโดยการเจาะลูกโป่งนั้นให้แตกเสีย และเริ่มต้นเป่าลูกโป่งใบใหม่ไปด้วยกัน วันหนึ่ง ลูกโป่งที่เราค่อย ๆ บรรจงเป่า จะแปรเปลี่ยนรูปร่างเป็นลูกโป่งแห่งอุดมคติตามที่เราทุกคนต้องการ
แต่นั่นหมายถึง เราต้องกำจัดบรรดาเด็กน้อยไร้การศึกษาที่คอยทำตัวเป็นเจ้าของลูกโป่งใบนี้ ไม่ยอมให้ใครไปแตะต้อง และบูชามันไว้เหนือหัว โดยไม่สนใจว่ามันกำลังทำร้ายเยาวชนของไทยกว่าล้านชีวิต และประเทศชาติไปจนเกินจะเยียวยา

0 Comments:
แสดงความคิดเห็น
<< Home