.comment-link {margin-left:.6em;}

 

04 พฤษภาคม 2548

ระบบการศึกษา

เรามาเรียนอยู่ใน high school ใน america หนึ่งปี ก็อยากจะเล่าความแตกต่างของระบบการศึกษาที่เราเห็น ของ america กับไทย ซึ่งเราคิดว่าต่างก็มีข้อดีของตัวเองที่ต่างกัน

1 american high school : grade 9-12
ไทย มัธยมปลาย : grade 10-12
อันนี้เหมือนต่างความคิดว่านักเรียนควรได้ตัดสินใจว่าอยากเรียนไปทางไหนเมื่ออายุเท่าไร สี่ปีของอเมริกาก็ทำให้ได้เรียนที่ตัวเองชอบได้มากกว่า เร็วกว่า ส่วนสามปีที่ไทยให้เริ่มเรียนแยกตอนม สี่ ก็ทำให้นักเรียนมีพื้นฐานที่แน่กว่า

2 คอร์สที่เรียนใน high school
america : มี core ที่บังคับส่วนนึง ได้เลือกเองอีกส่วน (ได้เลือกเองมากกว่า)ไม่มีแผนวิทย์แผนศิลป์
ไทย : มี core, วิชาบังคับเลือกที่แบ่งวิทย์ศิลป์, แล้วก็วิชาเลือกที่แท้จริง (ได้เลือกเองน้อยมาก)
(หมายเหตุ - เราพูดจากมุมมองเด็กวิทย์นะ)
อันนี้เหมือนอเมริกาจะดีกว่าตรงที่นักเรียนเลือกเรียนได้อิสระมาก ทำให้ตรงความต้องการค่อนข้างแท้จริงมากกว่า คนที่สนใจวิทยาศาตร์แค่บางสาขาก็เรียนเฉพาะสาขานั้นได้ (อาจมีวิทย์สักตัวบังคับใน core) คอร์สให้เลือกเยอะดี ที่นี่เรียนเน้นเรื่องความหลากหลายของคอร์สที่เรียนค่อนข้างมาก เด็กจะรู้กว้าง
ข้อดีของที่ไทย เราไม่รู้เรื่องเด็กศิลป์เท่าไร แต่เราว่าการที่เรียนฟิสิกส์เคมีชีวะทุกปีทำให้พื้นฐานวิทย์เราแข็ง (ในด้าน"ความรู้")เรามานี่ก็ไม่ต้องเรียนฟิสิกส์เคมีชีวะอีก คือเลือกที่จะไม่ลงเองเพราะลงเรียนไปก็ซ้ำๆ เกือบหมดถ้าลงเรียน

3 วิธีการเรียนพวก history
america : บ้าอ่านเอง+เขียน essay
ไทย : ฟังเลคเชอร์จดมือหงิกเป็นส่วนมาก ข้อสอบส่วนใหญ่เป็นกา choice กะเติมคำ
อันนี้ยอมรับว่าชอบของอเมริกา เรารู้สึกว่าให้อาจารย์มาพูดสิ่งที่ต้องรู้เป็นเรื่องเสียเวลา อ่านเองจะดีกว่า ที่นี่เน้นอ่านแล้ว take note เอง แล้วไปถามเรื่องสงสัยในห้อง การเรียนในห้องก็ถามอะไรที่ไม่เข้าใจ อาจารย์เน้นจุดสำคัญ เสริมเกร็ดที่ควรรู้ ถามคำถามเช็คความเข้าใจเด็ก ส่วนเรื่องสอบ จริงๆที่นี่ก็มีสอบเติมคำบ้างแต่ หรือเขียนอะไรสั้นๆก็มี แต่ยิ่งเรียนสูงขึ้นก็จะเป็นเขียน essay ส่วนในไทยจะได้เขียน essay ก็เข้ามหาลัยแล้ว จริงๆส่วนนึงเป็นเรื่องของจำนวนนร ด้วย เขียน essay ที่นี่เน้นเรื่องการตั้ง thesis (arguement ที่เราคิด) แล้วเขียน paragraph มา support ซึ่งทำให้ได้คิดมากกว่า (แต่ก็ต้องจำอยู่ดี) ส่วนที่ไทยยอมรับว่าเน้นจำมาก จะมีเน้นคิดหรือความเข้าใจก็บ้างแต่น้อย

4 วิธีการเรียน english - เทียบกับเรียนภาษาไทย
american - เรียนวรรณกรรมเป็นเล่มๆ เรื่องๆ จบทั้งเรื่อง เน้นเขียน essay วิเคราะห์เรื่อง, เปรียบเทียบสองเรื่อง ฯลฯ
ไทย - อ่านแล้วถอดความให้ออก เน้นข้อคิดที่ได้ ความเข้าใจเรื่อง ตัวละคร ความงามภาษา
เรารู้สึกว่าเรียนภาษาอังกฤษที่นี่แล้วได้คิดเอง เสนอความคิดตัวเองมากกว่าเรียนภาษาไทยที่ไทยอะ ไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะวิธีการเรียนมันต่างกันเพราะตัววรรณกรรมมันต่างกันหรือปล่าวนะ แต่เราคิดว่าเรียนภาษาไทยน่ะ ไม่ค่อยได้อ่านเอง ส่วนมากอาจารย์ก็ go through แปลศัพท์ถอดความและวิเคราะห์ให้ฟังในห้อง แล้วเราก็จด แล้วตอนสอบก็ค่อนข้างจำ แต่ถ้าเข้าใจก็ช่วยให้จำน้อยลงเยอะเหมือนกัน แต่มาเรียนภาษาอังกฤษที่นี่ เค้า assign ให้อ่านวันละเท่านี้ๆหน้า แล้วก็ไป discuss ในห้อง น้อยเรื่องที่อาจารย์จะ go though ให้แบบไทย แต่ก็มีเช่น hamlet เพราะภาษามันซับซ้อน มีอะไรให้วิเคราะห์เยอะมาก เราคิดว่าจุดดีคือได้เขียน essay แสดงความคิดตัวเอง มันอิสระและได้คิดอะ

5 math ที่อเมริกาเทียบกะไทย
จำได้ว่าที่ไทยจะแบ่งเป็นเลขง่ายเลขยาก ที่นี่ตอนเข้ามาเค้าจะให้สอบวัดระดับทุกคนแล้วค่อยเลือกว่าจะไปเรียนคอร์สอะไร ของไทยเราบังคับหลักสูตรมาเลยใช่มะว่าจะเรียนเรื่องอะไรแล้วอะไรต่อ แต่ที่นี่จะเป็นคอร์สแบบ algebra, pre-cal, calculus, geometry, statistic อะไรแบบนี้ คือค่อนข้างแยกๆกันเลย มันก็มีข้อดีตรงที่ว่าเรียนแล้วปีนึงๆ หรือเทอมนึงๆ ได้เรียนเป็นเรื่องๆ ชัดเจนดี แล้วก็เลือกได้เองว่าจะเรียนยังไง คนที่เก่งก็ข้ามๆเรียนเร็วได้ คนอ่อนก็ take ตัวง่ายๆได้ แบ่งกันได้หลายระดับกว่า แต่ข้อเสียคือเด็กบางคนก็ไม่รู้ math บางเรื่องไปเลย (ซึ่งมันก็อาจไม่ได้ใช้ในชีวิต ในกรณีนี้ก็ไม่เสียหาย) พูดถึงความยาก เลขไทยยากและถึกกว่ามาก ไม่ให้ใช้เครื่องคิดเลขด้วย เรียนที่นี่ใช้เครื่องคิดเลขได้ เครื่องคิดเลขแบบ plot graph, integrate ไรงี้ได้ด้วยอะ แต่เราชอบถึกๆแบบไทยนะ สะใจดี แล้วรู้สึกได้ฝึกอะไรมากกว่าด้วย พูดถึงด้านความเข้าใจ และความสามารถในการคิด เราก็ไม่รู้สึกว่าเด็กที่นี่จะเข้าใจหรือคิดเก่งกว่าอะ เราว่าเรื่องนี้พอๆกัน

6 เปรียบเทียบการเรียนวิชากลุ่ม science
ที่นี่ปีๆนึงส่วนมากเค้าเรียน science กันตัวเดียว คือเค้ามีคอร์สแบบ ฟิสิกส์1,2 เคมี1,2 ชีวะ1,2 ให้เลือก ก็เลือกเฉพาะที่ตัวเองจะเรียนอะ ต่างจากไทยที่บังคับเรียนสามตัวทุกปี จุดนี้ทำให้เรารู้สึกว่าวิทย์เด็กไทยแข็งกว่านะ (ถึงแม้เราจะไม่ชอบหนังสือแบบเรียนเอาซะเลย) แต่เรียนที่นี่วิทย์ concept แน่กว่าจริงๆ แต่ถ้าการทำโจทย์ เช่นฟิสิกส์ สู้เมืองไทยไม่ได้อะ รรเราวิทย์ค่อนข้างอ่อน แต่ถ้ารร ที่วิทย์แข็งก็แข็งมากเหมือนกันเช่น physics course สูงๆจะใช้ calculus เรื่องแล็บ แล็บที่นี่ส่วนใหญ่ใช้อุปกรณ์หรู ได้ทำแล็บเยอะ เราชอบที่ได้ทำแล็บเยอะและแล็บแต่ละอย่างค่อนข้างสร้างสรรค์กว่า แต่ว่าเราไม่ชอบเรื่องอุปกรณ์หรูอะ มันทำให้เด็กเป็นง่อยไม่ต้องทำอะไรเอง ลองคิดดูว่าแบบเช่นใช้ sonar วัดระยะและความเร็วแล้วข้อมูลเข้าคอมพิวเตอร์เลย ไม่ง่ายเกินไปอะ
ที่อเมริกามีวิชาวิทย์ที่เป็นวิชาเลือกเยอะกว่าอะ เช่นรรเรามี astrophysics กะ robotics - อยากให้ที่ไทยมีให้เลือกมั่ง จำได้ว่าเรามีแต่แบบฟิสิกส์พื้นฐานวิศวะ หรือเคมีในชีวิตประจำวันอะไรแบบนี้

ตอนนี้คิดออกแค่นี้อะ