Relavity
แค่อยากเอาอะไรที่ได้จากการเรียนมาเล่าให้ฟัง ในมุมมองแปลกๆ
เริ่มจากอะไรดีล่ะ ... Relativity ละกัน
Theory of Relativity เป็นทฤษฎีของไอน์สไตน์ ที่ based บนสอง postulates
1 อัตราเร็วของแสงมีค่าคงที่ ไม่ขึ้นกับ source หรือ observer
2 กฎฟิสิกส์เป็นจริงเหมือนกันในทุกกรอบอ้างอิง
สิ่งที่น่าสนใจที่เรามองก็คือว่าถ้าสอง postulates นี้ผิดขึ้นมา ทั้งทฤษฎีพังทันที
ทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์มีลักษณะแบบนี้เป็นส่วนใหญ่ คือถ้าจุดเริ่มต้นพัง ทุกอย่างพัง
แต่การพังไม่ได้แปลว่างานนั้นไร้ประโยชน์ พังคือทฤษฎีนั้นไม่สามารถ predict ได้เป๊ะ 100%
แต่ว่าก็ยังใช้ในเงื่อนไขบางอย่างได้ หรือหาค่าประมาณได้
เช่นทฤษฎีของไอน์สไตน์ จริงๆก็ทำให้กฎแรงโน้มถ่วง หรือวิธีคิดกลศาสตร์แบบของนิวตันผิดไป
แต่ในระบบที่อัตราเร็วไม่ใกล้แสง แรงโน้มถ่วงไม่สูง (คือระบบส่วนใหญ่ที่พบบนโลก) เราก็ใช้นิวตันได้ ค่าที่ได้ก็ตรงใช้ได้เลย
คำถามนึงที่ตามมาก็คือว่า
สมมติเราพบหลักฐานอะไรที่ขัดแย้งกับทฤษฎีที่มี เรารู้ตัวว่าถ้าเปิดเผยไป เราจะทำให้ทฤษฎีนั้นพัง และเราก็ไม่มีทางเลือกใหม่สำหรับทฤษฎีนั้น เราควรเปิดเผยมันมั้ย
อาจารย์ก็พูดเกริ่นมาว่า ถ้าเปิดมาตรงนี้มา แล้วรากฐานทฤษฎีพัง แล้วมันก็อาจจะทำให้ science ล่มสลาย เราควรทำเหรอ ถ้าปิดมันไว้ไม่ดีกว่าหรือ หรือไม่ก็รอสักพักนึงก่อนแล้วค่อยเปิดเผย
เราคิดในใจว่า มันไม่ใช่แบบนี้ เราเลยเถียงไปว่า
การไม่เปิดเผยต่างหาก ที่จะทำให้ science ล่มสลาย เพราะ science ต้องการความซื่อสัตย์ของนักวิทยาศาสตร์ที่จะเปิดเผยความจริงของธรรมชาติ ถ้ามัวแต่ปิดแล้วปล่อยให้พัฒนาไปผิดๆ มันก็จะต้องพบกับทางตัน การเปิดเผยไป ถึงมันจะสั่นคลอนรากฐาน แต่สิ่งที่เรามีก็ยังให้ predict ได้ระดับหนึ่ง ถึงเราจะพัฒนาทฤษฎีใหม่เองไม่ได้ ก็เป็นการเปิดให้มีคนอื่นที่สามารถทำได้ มาพัฒนาตรงจุดนี้
สรุป อาจารย์เค้าก็ expect ให้มีคนเถียงไปแบบนี้แหละ เหอๆ เวรกรรม จริง
ไว้จะมีเล่าต่อ ตอนนี้พักแค่นี้ก่อน
เริ่มจากอะไรดีล่ะ ... Relativity ละกัน
Theory of Relativity เป็นทฤษฎีของไอน์สไตน์ ที่ based บนสอง postulates
1 อัตราเร็วของแสงมีค่าคงที่ ไม่ขึ้นกับ source หรือ observer
2 กฎฟิสิกส์เป็นจริงเหมือนกันในทุกกรอบอ้างอิง
สิ่งที่น่าสนใจที่เรามองก็คือว่าถ้าสอง postulates นี้ผิดขึ้นมา ทั้งทฤษฎีพังทันที
ทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์มีลักษณะแบบนี้เป็นส่วนใหญ่ คือถ้าจุดเริ่มต้นพัง ทุกอย่างพัง
แต่การพังไม่ได้แปลว่างานนั้นไร้ประโยชน์ พังคือทฤษฎีนั้นไม่สามารถ predict ได้เป๊ะ 100%
แต่ว่าก็ยังใช้ในเงื่อนไขบางอย่างได้ หรือหาค่าประมาณได้
เช่นทฤษฎีของไอน์สไตน์ จริงๆก็ทำให้กฎแรงโน้มถ่วง หรือวิธีคิดกลศาสตร์แบบของนิวตันผิดไป
แต่ในระบบที่อัตราเร็วไม่ใกล้แสง แรงโน้มถ่วงไม่สูง (คือระบบส่วนใหญ่ที่พบบนโลก) เราก็ใช้นิวตันได้ ค่าที่ได้ก็ตรงใช้ได้เลย
คำถามนึงที่ตามมาก็คือว่า
สมมติเราพบหลักฐานอะไรที่ขัดแย้งกับทฤษฎีที่มี เรารู้ตัวว่าถ้าเปิดเผยไป เราจะทำให้ทฤษฎีนั้นพัง และเราก็ไม่มีทางเลือกใหม่สำหรับทฤษฎีนั้น เราควรเปิดเผยมันมั้ย
อาจารย์ก็พูดเกริ่นมาว่า ถ้าเปิดมาตรงนี้มา แล้วรากฐานทฤษฎีพัง แล้วมันก็อาจจะทำให้ science ล่มสลาย เราควรทำเหรอ ถ้าปิดมันไว้ไม่ดีกว่าหรือ หรือไม่ก็รอสักพักนึงก่อนแล้วค่อยเปิดเผย
เราคิดในใจว่า มันไม่ใช่แบบนี้ เราเลยเถียงไปว่า
การไม่เปิดเผยต่างหาก ที่จะทำให้ science ล่มสลาย เพราะ science ต้องการความซื่อสัตย์ของนักวิทยาศาสตร์ที่จะเปิดเผยความจริงของธรรมชาติ ถ้ามัวแต่ปิดแล้วปล่อยให้พัฒนาไปผิดๆ มันก็จะต้องพบกับทางตัน การเปิดเผยไป ถึงมันจะสั่นคลอนรากฐาน แต่สิ่งที่เรามีก็ยังให้ predict ได้ระดับหนึ่ง ถึงเราจะพัฒนาทฤษฎีใหม่เองไม่ได้ ก็เป็นการเปิดให้มีคนอื่นที่สามารถทำได้ มาพัฒนาตรงจุดนี้
สรุป อาจารย์เค้าก็ expect ให้มีคนเถียงไปแบบนี้แหละ เหอๆ เวรกรรม จริง
ไว้จะมีเล่าต่อ ตอนนี้พักแค่นี้ก่อน

1 Comments:
ผมคิดว่า การเสนอความจริงใหม่ที่จริงกว่าความจริงเดิม นั้นเป็นสิ่งที่ดีครับ เป็นสิ่งที่นักวิทยาศาสตร์ควรทำแน่นอน
และสังคมโลกในสมัยนี้ เมื่อมีความจริงทางวิทยาศาสตร์ที่ขัดแย้งความรู้ทางวิทยาศาสตร์เดิม ผมคิดว่าโดยส่วนมากก็เปิดกว้างที่จะยอมรับความคิดใหม่ๆอยู่เสมอ เพราะเราได้รับการปูพื้นฐานกระบวนการคิดแบบวิทยาศาสตร์มาตั้งแต่เด็กๆ
ไม่เหมือนสมัยก่อน ที่ยุโรปนั้น ศาสนาสมัยนั้นปิดกั้นความจริงที่ขัดแย้งกับความเชื่อเดิมอย่างโหดร้าย รุนแรงอย่างมาก เพราะเมื่อความเชื่อทางศาสนาสั่นคลอน การปกครองของศาสนจักรย่อมล่มสลาย คนอย่างกาลิเลโอนั้น เราต้องถือว่าเค้าเป็นวีรบุรุษเลยทีเดียว
และพิมพ์มาจนถึงบรรทัดนี้ ผมก็ฉุกใจคิดว่า แม้สมัยนี้เองเหตุการณ์การต่อต้านความจริงนั้น ยังมีอยู่...ไม่ได้หายไป
ยกตัวอย่างง่ายๆ เมื่อเราเห็นผู้หญิงคนหนึ่งมีลืมรูปซิปเราไม่รู้จักเธอ และเธอไม่ได้รู้จักเรา ใครจะกล้าบอกความจริงกับเธอครับ ทุกคนอาจจะคาดไม่ถึงว่าผลที่ตามมานั้นอาจยิ่งใหญ่มากๆ
แม้ในเรื่องศาสนา เรื่องความเชื่อเอง ก็เหมือนกัน
ประโยคที่ว่า "ไม่เชื่ออย่าลบหลู่" จึงเป็นประโยคอมตะ
By
Eig, at 1/5/48 23:39
แสดงความคิดเห็น
<< Home