.comment-link {margin-left:.6em;}

 

01 พฤษภาคม 2548

งาน หน้าที่ ผลตอบแทน

วันนี้เพิ่งกลับจากการไปช่วยงานค่ายสมองแก้วในฐานะ "วิทยากร" มา สิ่งที่ทำก็คือการเป็นไปคนไปสอนเขียนโปรแกรมบนไมโครคอนโทรลเลอร์ที่ชื่อว่า P-ONE ของบริษัท Inex ที่เป็นภาษา logo เป็นเวลา 14 ชั่วโมง และช่วยงานของอ.บุปผชาติอีก 17.5 ชั่วโมง และช่วยงานอ.ประวิทย์อีก 8 ชั่วโมง และในวันสุดท้าย ก็ได้รับซองขาว (ไม่ใช่ไล่ออก) ที่ข้างในบรรจุเงินสดอยู่ 5,500 บาท

กรณีนี้ อยากลองเปรียบเทียบกับพี่เลี้ยง ที่ได้เวลาในการพักผ่อน (เวลานอน) น้อยกว่าเราประมาณ 2 - 6 ชั่วโมงต่อวัน และทำงานเป็นแรงงานเสียส่วนใหญ่ ที่ได้รับเงินในอัตรา 1,800 บาท ช่างดูห่างไกลกับของเราเสียเลยเกิน

ถ้าจะให้พูดกันตรง ๆ จะบอกว่า ที่ไปสอน logo นั่น ใช้เวลาศึกษาเกี่ยวกับคำสั่งต่าง ๆ และอุปกรณ์ต่าง ๆ ของ P-ONE โดยใช้เวลาไม่กี่ชั่วโมงจากหนังสือและลองผิดลองถูก สำหรับงานที่ช่วยอ.ประวิทย์คือการเขียนโปรแกรมเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างนาฬิกาจับเวลา หรือช่วยดูแลเกี่ยวกับการเปิดสื่อต่าง ๆ ผ่านคอมพิวเตอร์ ก็นับว่าเป็นงานที่ดูเล็กน้อยมากอีกเหมือนกัน

สิ่งที่รู้สึกก็คือ ทำไมเราถึงได้เงินในเรทที่สูงมากคือ 5,500 บาท หากเทียบกับพี่เลี้ยง (เคยเป็นเหมือนกัน) จะรู้สึกได้ว่าพี่เลี้ยงเหนื่อยกว่า และมีความรับผิดชอบมากกว่าพอสมควร (ถึงแม้จะอีกแง่มุมนึง คือการดูแลน้อง ๆ มากกว่า)

สรุปประเด็นที่จะพูดก็คือ ทำไมเราได้เงินเยอะมากกว่ามาก แสดงว่าสังคมให้ความสำคัญกับความรู้มากกว่าแรงงาน? น่าคิดว่า แนวคิดนี่เป็นสิ่งที่ถูกต้องหรือเปล่า...

แต่แนวปฏิบัติเดิมของชมรมวิชาการก็ดูว่าจะดูดีอยู่แล้ว คือการถือว่าทุกคนในทีมเท่าเทียมกัน และสมควรที่จะได้รับผลตอบแทนเท่ากัน ไม่ว่าใครจะทำหน้าที่อะไรมากน้อยแค่ไหนก็ตาม

5 Comments:

  • สิ่งที่พี่นัทพูดนั้นก็คล้ายๆ idea ของความไม่ยุติธรรมในสังคมทุนนิยม และเสนอแนวคิดแบบสังคมนิยมขึ้นที่ว่า ทุกคนทุกหน้าที่ควรจะมีค่าตอบแทนเท่ากัน

    หากแต่ผมว่าเป็นเรื่องปกติอย่างมากในการที่ วิทยากรจะได้รับผลตอบแทนที่มากกว่าพี่เลี้ยง เพราะคนที่สามารถเป็นพี่เลี้ยงนั้นมีอยู่มากกว่าคนที่สามารถเป็นวิทยากร วิทยากรก็เลยมีความต้องการในตลาดมากกว่า ราคาก็เลยสูงกว่าเป็นเรื่องปกติ

    แรงผลักดันในการทำสิ่งต่างๆของมนุษย์นั้น ไม่ได้มีแค่ทำเพื่ออุดมคติ จากทฤษฏีทางจิตวิทยาของใครก็ไม่รู้ผมจำไม่ได้ครับเพราะอ่านมาจาก คอลัมน์"คุยกับประภาส"ในหนังสือพิมพ์มติชนซึ่งจะมีทุกวันอาทิตย์ แล้วก็จำได้แม่นเลย.. เค้ากล่าวว่า

    แรงผลักดันของการทำสิ่งต่างๆมนุษย์นั้นเป็นไปตามลำดับขั้นคือ
    1.ทางกายภาพ เช่น หากินเมื่อหิว หาดื่มเมื่อกระหาย หรือแม้แต่ความต้องการทางเพศ
    2.ความปลอดภัย
    3.ความสัมพันธ์กับผู้อื่น เช่น มิตรไมตรี
    4.ความเคารพนับถือ
    5.อุดมคติ เช่น เวลาคนที่ช่วยผู้บาดเจ็บสึนามิ หรือหน่วยแพทย์อาสาต่างๆ

    จะเห็นได้ว่า อุดมคตินั้นอยู่ในอยู่ในลำดับสุดท้าย คนเราจะทำเพื่ออุดมคติได้ก็คงต้องมี 4 ลำดับแรกอย่างพอเพียงอยู่ ถ้าฝืนไปก็จะเกิดความทุกข์

    และจะเห็นได้ว่า... เงินคือปัจจัยที่สามารถตอบสนองแรงผลักดันความต้องการต่างๆได้ ไม่ว่าจะมากจะน้อยก็ตาม ยกเว้นข้อเดียวคืออุดมคติ

    มนุษย์เราต้องการเงิน ต้องการผลตอบแทน ที่คุ้มค่ากับความสามารถของตน

    บทพิสูนจ์ที่เห็นได้ชัดคือ โลกของเราขณะนี้ มีประเทศที่อยู่อย่างสังคมนิยม100% อยู่สักเท่าไหร่กัน

    By Blogger Eig, at 1/5/48 23:13  

  • แต่จากที่ได้เห็นว่า ทีมงานของเราสามารถทำงานโดยที่ได้ผลตอบแทนเดียวกันหมดนั้น เหตุผลนั้นอาจเป็นได้หลายอย่าง
    อาจจะเพราะว่า เราทำงานเพื่ออุดมคติ เราทำงานเพื่อมิตรภาพ หรือความสนุก เรามีปัจจัยเงินอยู่พร้อมอยู่แล้ว หรือ/และอื่นๆ

    By Blogger Eig, at 1/5/48 23:17  

  • ทฤษฎีความต้องการตามลำดับขั้นของมาสโลว์

    By Blogger Paul_012, at 1/5/48 23:38  

  • และแล้ว rate เงินค่าย ICT ก็จบลงที่จำนวนชั่วโมง

    By Blogger NuttyGM, at 10/5/48 15:13  

  • No Prescription medication Pharmacy. Order Generic Medication In own Pharmacy. Buy Pills Central.
    [url=http://buypillscentral.com/buy-generic-cialis-online.html]Discount Viagra, Cialis, Levitra, Tamiflu Drugstore Online[/url]. prescription generic pills. Cheap pills pharmacy

    By Anonymous ไม่ระบุชื่อ, at 11/11/52 17:31  

แสดงความคิดเห็น

<< Home