.comment-link {margin-left:.6em;}

 

23 พฤษภาคม 2548

เรียนเป็นเล่น

เคยได้ยินว่า "เรียนเป็นเรียน เล่นเป็นเล่น" ซึ่งหมายความว่าถ้าเวลาเรียนก็เรียนให้เต็มที่ เวลาเล่นก็เล่นให้เต็มที่ ทำอะไรให้เต็มที่จะได้ผลออกมาดีกว่า เราเคยเชื่อมาแบบนั้น แต่ว่าในตอนนี้มุมมองของเรากลับตรงข้าม เรากลับคิดว่าน่าจะ "เรียนเป็นเล่น เล่นเป็นเรียน" - เหมือนที่นายกฯทักษิณเคยพูดว่าเรียนให้สนุก เล่นให้มีความรู้ - ทั้งนี้ ไม่ได้มีจุดประสงค์ support ทางการเมืองไม่ว่าแก่ใครก็ตาม

โอเค กลับมาเรื่องเรียนกับเล่น คือเราเห็นปัญหาว่า เด๋วนี้ระบบการศึกษาเรามันแปลกๆ เริ่มต้นมาในอดีตมากๆ สมัยพระอภัยมณี (ยกตัวอย่างในนิยายคงโอเคนะ น่าจะใช้ได้เหมือนกัน) พระอภัยมณีไปเรียนเป่าปี่ด้วยความสมัครใจ ไม่มีใครบังคับ (เอาเหอะ พ่อแม่เค้าบอกให้ไปเรียนก็จริง แต่ก็ไม่ได้ไปเรียนที่พ่อแม่อยากให้เรียน แต่พ่อแม่ก็ไม่ได้บอกลูกก่อนนี่นาว่าอยากให้เรียนอะไร) กลับมาที่พระอภัยมณี เค้าก็ไปเรียนของเค้าเอง ไม่ต้องมีกฎว่าถ้าไม่ไปเรียนจะหักคะแนนพฤฒิกรรม ไม่ต้องมีการสอบวัดระดับให้วุ่นวาย เรียนไปถ้าตั้งใจก็ได้ประโยชน์เอง และก็มีแต่ที่ลูกศิษย์จะพยายามฝึกฝนเล่าเรียนให้สำเร็จลุล่วง ไม่เห็นว่าอาจารย์ต้องมาเขี่ยวเข็ญ

ผ่านมากี่ปีไม่รู้ เราเริ่มมีระบบวัดระดับมาตรฐานด้วยการสอบ ด้วยเกรด นักเรียนก็ขี้เกียจไม่อยากเรียน ต้องมีกฎเกณฑ์มาบังคับให้เรียน เหมือนพยายามเรียนให้จบๆไปแบบนั้น สิ่งที่เรียนไปก็เหมือนว่าเอามาสอบแล้วก็ทิ้ง

มันเกิดอะไรขึ้น!!!

จะบอกว่าควรทิ้งระบบการสอบไป มันก็ไม่ได้เพราะว่าเราต้องการตัววัดผลการเรียน แต่อยากรู้ว่ามีอะไรวัดผลการเรียนได้ดีกว่าการสอบมั้ย มันก็มีเช่น ถ้าให้ทำเป็น project อะไรแบบนี้ แต่เทียบกันกับการสอบแล้ว การสอบดูเป็นวิธีที่ง่ายกว่ามากโดยเฉพาะยิ่งเมื่อจำนวนนักเรียนมากเป็นโขลง เอ้ย โขยง จะให้อาจารย์มานั่งดูงานที่มีรายละเอียดมากๆ มันก็ยาก แถมถ้าเป็นโปรเจค ก็โกงกันไม่ยอมทำเองได้อีกง่ายๆด้วย ถ้ามองในระดับใหญ่ขึ้นเช่นเกรดที่ได้ ยิ่งเหมือนเป็นระบบที่ฝังลึกและทิ้งไม่ได้หนักเข้าไปอีก

จะทำยังไงดีให้นักเรียนเราเรียนเพราะอยากเรียน
เรามองว่าถ้านักเรียนอยากเรียนแบบต้องการความรู้จริงๆ จะมีด้วยความต้องการสองแบบ
1 อยากได้ความรู้ตรงนั้นจริงๆ มีความชอบความสนใจ อันนี้ถ้าเป็นได้จะถือว่าเยี่ยมมาก
2 เหมือนเป็นการลงทุน อยากรู้เพื่อเอาความรู้นั้นไปใช้ในการเรียนความรู้ขั้นสูงต่อไป หรือเอาไปใช้ในชีวิต หรือเอาไปประกอบวิชาชีพ อันนี้ดูไม่ดีเท่าอันแรก แต่เราก็ว่าสมเหตุสมผลดี

ส่วนสิ่งที่เราไม่อยากเห็นคือเรียนเพื่อเกรด ใช้เทคนิคต่างๆนานาเพื่อทำให้ได้เกรดที่ดี หรือเรียนแค่ให้จบ โดยไม่ได้ความรู้อะไรติดตัวไป

ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าต้องแก้ปัญหาที่จุดไหน แต่ที่แน่นอนคือควรเริ่มต้นแต่เด็ก อย่างที่รู้ๆกันว่าไม้แก่ดัดยาก สิ่งหนึ่งที่น่าทำคือทำให้การเรียนที่โรงเรียนน่าเบื่อน้อยลงได้มั้ย ให้เรียนแล้วรู้สึกสนุก อยากรู้อยากเห็น หรืออย่างน้อยก็เห็นว่าเรียนแล้วได้เอาไปใช้ จะได้มีความรู้สึกอยากรู้อยากเห็นมากกว่าอยากได้เกรด

ถ้าเคยลองอ่านหนังสือเรียนดู ไม่รู้ทำไมเค้าต้องทำให้เรารู้สึกว่ากำลังอ่านหนังสือเรียนอยู่ก็ไม่รู้ ต้องเขียนให้อ่านแล้วเบื่อและงงๆ เหมือนเพื่อจะให้นักเรียนอ่านแล้วได้คิดมากๆ ถ้าทำให้มันดึงดูดนักเรียนได้จะดีมากๆเลย การเรียนการสอนในห้องก็เหมือนกัน เราคิดว่าน่าจะทำให้มันไม่น่าเบื่อ แบบถ้ามีการโต้เถียงหาข้อเท็จจริงกัน มีกิจกรรมที่สนุกทำ (ที่นักเรียนเห็นว่าสนุก ไม่ใช่ที่อาจารย์เห็นว่าสนุกหรือที่หนังสือบอกว่ามันเป็นกิจกรรมที่สนุก) ก็น่าจะดึงดูดความสนใจของนักเรียนได้ดีขึ้น ไม่อยากให้ใช้เวลาในห้องเรียนเป็นเวลาที่อาจารย์เล่าเนื้อหาให้นักเรียนฟังเพราะไปอ่านเองก็ได้ แต่อยากให้เป็นเวลาที่ได้พูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดกันซะมากกว่า