.comment-link {margin-left:.6em;}

 

25 มิถุนายน 2548

ความคึกคะนองหรือสาระ?

บัดนี้ งาน Cubic Festival : June 2005 มหกรรมครั้งแรกที่ยิ่งใหญ่ของพวกเราได้เสร็จสิ้นลงไปแล้ว แน่นอนธรรมดาของการทำงาน เมื่อมีผลงานชิ้นหนึ่งออกมาสู่สาธารณะชน ก็ย่อมต้องมีเสียงวิพากษ์วิจารย์โผล่กันออกมาอย่างหนาหู ไม่ว่าจะเป็นด้านดี หรือด้านลบก็ตาม

เราจะไม่พูดถึงด้านดีของมัน ผมอยากจะสนใจด้านลบที่มันเกิดขึ้นมากกว่า และเราจะแก้ไขมันได้อย่างไร

งานในครั้งนี้ เรายอมรับว่าเราลงทุนไปมากทีเดียว แม้ว่าผมจะไม่สามารถเปิดเผยตัวเลขประมาณการออกมาได้ด้วยเหตุผลของการทำงาน แต่ก็มากพอที่จะซื้อคอมพิวเตอร์ดี ๆ ได้สักเครื่องหนึ่ง

แน่นอน เสียงที่ถามมา "คุ้มค่าไหม?"

มันคงตอบยาก ว่างานนี้เราคุ้มค่าหรือเปล่าที่ทำลงไป เราเสียเงินไปเยอะมากมาย แต่เราก็เชื่อว่า เงินทั้งหมดที่เราลงไปนี้ จะส่งผลที่ดีต่อการทำงานและสังคมต่อไปในอนาคตอย่างคุ้มค่า เด็กๆ ได้ความสนุก ได้พัฒนาตัวเอง ชมรมได้นำเสนอแนวคิดของเราให้ผู้ปกครองและน้องๆ ได้เห็นถึงความคิด บรรยากาศ วัฒนธรรมของเรา ส่งผลต่อการทำงานและการจัดกิจกรรมอื่น ๆ ต่อไปในอนาคต

แต่ก็เป็นธรรมดา คุณค่าเชิงคุณภาพเหล่านี้ คงยากจะประเมินว่า มันคุ้มค่าหรือไม่

แต่สิ่งที่ผมเป็นห่วงที่สุด ณ ขณะนี้ คือภาพพจน์ของเราต่อสายตาของสังคม

เราอาจไม่สามารถหาวิธีถ่ายทอดความคิดและวัฒนธรรมของเราได้ดีพอ ในสายตาของผู้ปกครองหลายๆ ท่าน จะเห็นว่ามันเป็นเพียงความคึกคะนอง ความสนุกสนานที่ไร้สาระ ในขณะที่เรากำลังพยายามจะนำเสนอวิชาการในรูปแบบของความสนุก และวิชาการของเราไม่ใช่เพียงเนิ้อหาหรือองค์ความรู้ แต่เราให้ความสำคัญกับทักษะในการแก้ปัญหาและใช้ชีวิตมากกว่า

นี่คงเป็นอีกปัญหาใหญ่ที่เกิดขึ้นจากงาน Cubic Festival : June 2005 ที่ผมหวังว่า เราจะหาวิธีแก้ไขมันได้ในเร็ววัน

08 มิถุนายน 2548

Angel & Demon

เวลาดูหนังพวก super hero เช่นแบบพวก spiderman หรือหนังที่มีคนที่มีพลังพิเศษอย่างเจไดในสตอวาร์ (star war)
เคยคิดมั้ยว่าถ้าไม่มีตัวดี ก็อาจจะไม่มีตัวร้ายก็ได้ อย่างใน spiderman ก็มีตัวร้ายบางตัวที่เกิดขึ้นมาเพราะ spiderman หรือตัวร้ายที่ทำลายเมือง สร้างความวุ่นวาย เพื่อที่จะล้างแค้น ต่อสู้กับ superhero นั้นๆ
ถ้าไม่มีตัว hero เมืองอาจจะสงบสุขขึ้นก็ได้
บางที hero สู้กับตัวร้ายแล้วเมืองยิ่งพัง คนยิ่งเดือดร้อน
มันเหมือนกันว่าที่เราเห็นว่าดีสุดๆ นั้น มันสร้างโทษมากกว่าประโยชน์หรือปล่าว
สิ่งที่เห็น อาจไม่ใช่สิ่งที่เป็น

........ลองพักเรื่องนี้ไว้ก่อน.........

ลองมาดูยาเสพติดที่ทุกคนตราหน้าว่าเป็นสิ่งเลวร้าย
หรือลองมาดูยาพิษ
เราเคยอ่านเจอว่าสารหนูเนี่ย ในสมัยโบราณมีการใช้เป็นส่วนผสมของยา แต่ต้องใช้ในปริมาณน้อยมากๆ
ก็พบว่ามันก็เป็นยาได้จริงแต่ต้องใช้เป็น
ฝิ่นที่เมื่อนำมาผลิตเป็นเฮโรอีน ยาเสพติดที่อาจถือได้ว่าร้ายแรงที่สุด ในทางการแพทย์ก็สามารถนำมาใช้เป็นยาระงับความปวดได้
แต่ก็ต้องรู้ว่าใช้แค่ไหน อย่างไร เพื่อไม่ได้เกิดอาการติดยา
ถึงตรงนี้ มันเหมือนกับว่าเราบอกไม่ได้แน่ชัดว่าของพวกนี้เป็นประโยชน์หรือโทษกันแน่
ถ้าพูดกันจริงๆ ต้องบอกว่าทุกสิ่งทุกอย่างมีทั้งประโยชน์และโทษ
ขึ้นอยู่กับเจตนาการใช้ และต้องใช้เป็น

...............................

ได้ยินใครบางคนพูดว่าสมการ E=mc^2 เป็นต้นกำเนิดของระเบิดปรมณู
บางทีพูดไปถึงว่าไอน์สไตน์เป็นต้นเหตุของระเบิด โดยไม่ได้รู้เลยว่าเค้าเสียใจกับผลของมันแค่ไหน
เราคิดว่า E=mc^2 ไม่ได้เป็นต้นเหตุ แต่เป็นสมการที่อธิบายและทำนายการเกิดปฏิกิริยานิวเคลียร์
ส่วนต้นเหตุของระเบิดปรมณูน่ะเหรอ
จิตใจที่มีกิเลสของมนุษย์ต่างหาก
เมื่อไม่นานมานี้ได้อ่านเรื่อง Angels&Demons
โครงเรื่องเกี่ยวกับองค์กรลับที่ต้องการโค่นวาติกัน
มีการใช้เทคโนโลยี anti-matter เพื่อสร้างระเบิดที่ร้ายแรง
ถ้าถามว่าองค์กรลับนี้กับวาติกัน ใครเป็น Angels ใครเป็น Demons
คงใช้ต้องบอกว่าทั้งคู่ เป็นทั้งคู่
ต้องดูให้ละเอียดไปทีละการกระทำ ของทั้งสองฝ่าย
พิจารณาด้วยความคิดและจิตสำนึกชั่วดีของเรา

03 มิถุนายน 2548

Balloon's Story

วันนี้ได้มีโอกาสสนทนากับชยุตม์ วีร์กิจ และอาจารย์สุมาลีเกี่ยวกับระบบการศึกษาอย่างถึงลูกถึงคน

ยิ่งพูดคุย ยิ่งแลกเปลี่ยนทรรศนะกันเพียงใด ภาพของจุดหมายที่เราต้องการนั้นช่างชัดเจน อุดมคตินั้นวาดฝันได้ง่าย แตกต่างกับหนทางที่จะไปสู่มันอย่างสิ้นเชิง

ปัญหาระบบการศึกษานี้ช่างวุ่นวายและซับซ้อน ผมเคยพยายามคิดหลายครั้งแล้ว แต่ทุกครั้งที่พยายามแก้ปัญหาที่จุดหนึ่ง ก็จะเกิดปัญหาที่ร้ายแรงยิ่งขึ้นที่จุดหนึ่งเสมอ และเมื่อเราจะตามไปแก้ ณ จุดนั้น ปัญหาจุดต่อมาก็จะเกิดขึ้น และเวียนไปเรื่อย ๆ บางครั้งวนกลับมาที่เดิม ราวกับลูกโป่ง เมื่อเราบีบด้านหนึ่งแล้ว อีกด้านหนึ่งจะโป่งขึ้นมาแทนเสมอ ไม่ว่าเราจะเริ่มบีบจากมุมไหนก็ตาม

ลองยกตัวอย่าง ถ้าเราบอกว่า ปัญหาทุกวันนี้เริ่มต้นจากการศึกษาที่ไม่ได้ฝึกให้เด็กได้คิดอย่างเป็นระบบและอิสระ ทำไมล่ะ? เพราะระบบเอ็นทรานซ์และการได้มาซึ่งคะแนนที่ยังจำเป็นอยู่ ทุกคนต้องการมหาวิทยาลัย และข้อสอบที่ปราศจากความคิดของการสอบคัดเลือก ทำไมการสอบเอ็นทรานซ์ถึงเป็นเรื่องใหญ่? เพราะที่นั่งในมหาวิทยาลัยยังไม่พอ งั้นก็สร้างเพิ่มสิ? สร้างแล้ว ม.เอกชนไงมากมาย แต่ค่านิยมก็ไม่อยากเข้ากัน เชื่อว่าคุณภาพยังไม่สูงพอ ก็ถ้าไม่มีเงินแล้วจะมีคุณภาพได้อย่างไร แล้วจะมีเงินได้อย่างไร? ก็ต้องมีคนเข้าไปเรียนน่ะสิ... ทางตัน...

บางคนพยายามที่จะลองนำลูกโป่งจากที่อื่นมาแทนที่ อาจจะมีการปรับแต่งรูปแบบบ้าง แต่ลูกโป่งใหม่ที่มาจากต่างประเทศนั้น กลับดูแปลกตาและขัดแย้งกับค่านิยมและวัฒนธรรมของไทยอย่างสิ้นเชิง

นี่เป็นเพียงหนึ่งในประมาณล้านกว่าหนทางในการแก้ปัญหาการศึกษาของไทย แต่ช่างน่าแปลกที่ทุกทางกลับวิ่งเข้าหาทางตัน อยากรู้ว่า เมื่อไรกันที่เราจะพบหนทางที่จะแก้ปัญหานี้ได้อย่างครบวงจร? หรือเราจะต้องร่วมมือกัน ช่วยกันบีบลูกโป่งนี้จากทุกทิศทุกทางเพื่อให้ได้จุดประสงค์เดียวกัน

แต่ผมเชื่อว่า วิธีที่ดีที่สุด นั่นคือการรื้อระบบใหม่ทั้งหมดโดยการเจาะลูกโป่งนั้นให้แตกเสีย และเริ่มต้นเป่าลูกโป่งใบใหม่ไปด้วยกัน วันหนึ่ง ลูกโป่งที่เราค่อย ๆ บรรจงเป่า จะแปรเปลี่ยนรูปร่างเป็นลูกโป่งแห่งอุดมคติตามที่เราทุกคนต้องการ

แต่นั่นหมายถึง เราต้องกำจัดบรรดาเด็กน้อยไร้การศึกษาที่คอยทำตัวเป็นเจ้าของลูกโป่งใบนี้ ไม่ยอมให้ใครไปแตะต้อง และบูชามันไว้เหนือหัว โดยไม่สนใจว่ามันกำลังทำร้ายเยาวชนของไทยกว่าล้านชีวิต และประเทศชาติไปจนเกินจะเยียวยา