.comment-link {margin-left:.6em;}

 

20 มีนาคม 2550

A sound of sorrow.

เนื่องจากว่าโดยธรรมชาติของตัวผมเองแล้ว เป็นคนที่นอนดึก และนอนยาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงไหนที่ไม่จำเป็นต้องออกจากบ้านเพื่อทำธุระใดๆ ผมถึงกับต้องมาหลับตอนเช้าและตื่นตอนเย็นเลยทีเดียว

และด้วยธรรมชาติในการนอนแบบนี้ของผม จึงทำให้ทุกๆ ครั้งที่ผมพยายามจะนอน จะมีอุปสรรคอย่างหนึ่งคือเสียงนกที่มักจะร้องในช่วงหลังเที่ยงคืนถึงเช้ามืด

ผมมาทราบทีหลังครับว่า เสียงนกที่ผมได้ยิน มันชื่อนกตีทอง (เกิดจากเสียงร้องที่คล้ายๆ กับเสียงตีทอง)

เสียงของมันเป็นอุปสรรคอย่างยิ่งกับการนอนของผมในช่วงระยะเวลาหลายเดือนที่ผ่านมา สำหรับผมมันคือสิ่งที่น่ารำคาญที่ผมอยากจะกำจัดออกไปให้ได้เลยทีเดียว

พ่อผมเล่าว่า มันมาทำรังที่ต้นไม้บ้านผมได้สักพักแล้ว และตอนนี้มันก็มีลูกนกสองสามตัวที่เพิ่งฟักออกมาที่ต้องคอยเลี้ยง แน่นอนครับว่า มันยังบินไม่ได้

เช้านี้ที่ผ่านมาตอนที่ผมกำลังจะออกไปทำงานข้างนอก ผมเห็นต้นไม้บ้านผมต้นหนึ่งล้มลงมาพาดอยู่กับหลังคาโรงรถ คงเป็นเพราะพายุเมื่อคืนที่ผ่านมาแบบไม่มีใครคาดคิดนั่นเอง

และวันนี้เป็นครั้งแรกครับที่ผมได้ยินเสียงนกตีทองร้องในช่วงกลางวัน

ตอนนี้อุปสรรคในการนอนของผมคงไม่ใช่เสียงนกที่แสนน่ารำคาญอีกต่อไป

แต่คือเสียงแห่งความเศร้าของแม่นกพ่อนกที่กรีดลึกเข้าไปในจิตใจ จนเกินกว่าจะข่มตาให้หลับลงได้

09 มีนาคม 2550

คิดถึงคืนวันใหม่ๆ [2]

สิ่งที่เกิดขึ้นและกำลังเกิดขึ้นเรื่อยๆ มันพาให้นึกถึง การ์ตูนเรื่อง Ghost in The Shell ...วิทยาการที่พัฒนาล้ำ เข้ามาในร่างกายของเรามากขึ้นๆ
ไม่ต้องพูดถึงแค่ Bionic Arm จากตอนที่แล้ว ที่แม้แต่เทียบกับแขนมนุษย์ธรรมดายังใช้การได้ไม่ดีเท่า ในวันนั้น แทบทุกส่วนของร่างกายเราสามารถถูกแทนที่ด้วยจักรกลที่ทรงประสิทธิภาพ
และผมคิดว่า วันที่ว่า จะต้องมาถึง

จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าร่ายกายทุกส่วนของเราไม่เสื่อมสภาพอีกต่อไป และเปลี่ยนอะไหล่ได้เรื่อยๆ
จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าเราถ่ายโอนความรู้ได้เหมือนใน The Matrix
จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าดวงตาของเราสามารถzoomเข้าออกได้ และมองทะลุเสื้อผ้าได้(ฮา...)
จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าแม้แต่สมองที่ใช้ประมวลผลของเรา ยังสามารถให้จักรกลมาช่วย
จะเกิดอะไรขึ้น เมื่อวันที่ขอบเขตของ เทคโนโลยีเอื้อมมือเข้ามาถึงความรู้สึก นึกถึง ตัวตน และจิตใจของเรา ?
วันนั้นจะเป็นคนที่เราพบว่า ที่แท้กลไกของชีวิต ก็ไม่ต่างจากจักรกลที่ซับซ้อน ?

เพราะผมเชื่อแบบนี้ครับ จึงคิดว่า วันที่ว่า จะต้องมาถึง
ใช่ครับ ผมเชื่อว่า เราต่างคือจักรกล และ ผมเชื่อว่า มนุษย์เราเก่งพอที่จะสร้างจักรกลที่ซับซ้อนเทียบเท่าชีวิตได้

สำหรับผมเองที่เชื่อเช่นนี้ เมื่อมองจากมุมมองภายนอก ถึงแม้ทุกๆ ความรู้สึกจะเป็นกลไกที่คำนวณได้ และเจตจำนงเสรีไม่ได้มีอยู่จริง แต่เมื่อมองจากมุมมองภายในตัวเอง ความรู้สึกที่มีก็ยังเป็นของเราเอง ที่แม้จะรู้ด้วยสมองว่ามันเป็นกลไก แต่มันก็ไม่จำเป็นว่าเราจะเลิกดื่มด่ำกับความรู้สึก และเลิกมีความสุขนี่ครับ